ในวัฒนธรรมไทยและตะวันออกการ “ไหว้” หรือ “บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์” ไม่ใช่เพียงแค่พิธีกรรมภายนอกแต่คือการเปิดใจและส่งจิตถึงพลังที่สูงส่งกว่าเราผ่านสัญลักษณ์ต่างๆที่มีความหมายลึกซึ้งหนึ่งในสิ่งที่มีบทบาทอย่างสำคัญคือ “ของหอม” ไม่ว่าจะเป็นธูปหอมหรือกำยานหอม
กลิ่นหอมไม่ใช่เพียงกลิ่น… แต่มันคือภาษาของจิตวิญญาณ
ในยามที่เราจุดธูปหอมหรือวางกำยานลงบนเตากลิ่นหอมนั้นลอยขึ้นไปพร้อมกับจิตที่แน่วแน่ของผู้บูชาเป็น“สะพาน” ที่เชื่อมระหว่างโลกของมนุษย์กับโลกของทวยเทพสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือพลังงานสูงส่งที่เราศรัทธา
กลิ่นคือพลังงานละเอียดที่จิตสามารถสัมผัสได้
ตามหลักอโรมาเธอราพีและศาสตร์จิตวิญญาณกลิ่นมีผลโดยตรงต่อระบบสมองส่วนลิมบิกซึ่งควบคุมอารมณ์ ความทรงจำและพลังจิตการใช้กลิ่นหอมระหว่างการสวดมนต์การไหว้หรือการตั้งจิตอธิษฐานจึงช่วยให้ “ใจนิ่ง”และ “จิตแน่วแน่” ส่งแรงอธิษฐานไปได้อย่างชัดเจน
ควันธูป = กระแสจิตที่ถูกปลดปล่อย
เมื่อเราจุดธูปหอมหรือกำยานหอมเปลวไฟและควันอ่อนๆที่ลอยขึ้นนั้นเปรียบได้กับการปล่อยจิตของเราสู่จักรวาล เป็นการ “ส่งเสียงเงียบๆ” ไปถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มองไม่เห็นแต่รับรู้ได้ด้วยพลังงาน
เมื่อจิตสัมผัสได้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็สัมผัสตอบได้
ยามที่ใจนิ่งตั้งมั่นกลิ่นหอมแผ่กระจายไปทั่วพื้นที่แห่งการบูชาจะเกิดภาวะที่เรียกว่า “สนามพลังจิตบริสุทธิ์” ซึ่งเอื้อต่อการสื่อสารทางพลังงานอย่างแท้จริงไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลยที่หลายคนจะกล่าวว่า “รู้สึกถึงความสงบหรือกระแสบางอย่าง” เมื่อได้จุดธูปหอมและกล่าวคำอธิษฐานด้วยจิตที่เปิดรับ
กลิ่นหอมจึงไม่ใช่แค่เครื่องหอม…แต่คือบทสนทนาที่เงียบงันระหว่างเราและฟ้า
เมื่อกลิ่นหอมเป็นไปเพื่อสื่อใจสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะรับรู้ถึงความศรัทธาและความตั้งมั่นของผู้บูชาและเมื่อจิตบริสุทธิ์…พลังแห่งคำอธิษฐานจะมีพลังมากกว่าที่เราคาดคิด